วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เชียงใหม่

ประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมทอง


พระธาตุศรีจอมทอง,ประเพณี สรงน้ำพระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่,สรงน้ำพระ เชียงใหม่,สงกรานต์ เชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ลงโฆษณาเชียงใหม่,ลงโฆษณาฟรีเชียงใหม่


วัดพระธาตุจอมทอง เป็นศาสนาสถานสำคัญ และเก่าแก่ของเชียงใหม่ตั้งอยู่ริมถนนสายเชียงใหม่ – ฮอด อยู่ในเขตอำเภอจอมทอง มีชื่อทางการว่าวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เดิมเรียกที่ตั้งนี้ว่าดอยจอมทอง เนื่องจากมีต้นทองหลางขึ้นอยู่มากมาย

ภายในวัดมีพระ ธาตุจอมทองประดิษฐานอยู่ ซึ่งสามารถอัญเชิญออกมาให้ประชาชนสักการบูชาได้อย่างใกล้ชิด ปกติพระธาตุจอมทองประดิษฐานอยู่ภายในพระโกศ 5 ชั้น มีมณฑปปราสาทตรงกลาง เป็นคูหาที่เก็บพระโกศไว้ภายในพระวิหารจัตุรมุข
พระธาตุจอมทองมีพระบรมสารีกธาตุจำนวน 1 องค์ ขนาดเล็กเท่าเมล็ดถั่วเขียว สีขาวนวลออกสีน้ำตาลคล้ายสีดอกพิกุลแห้ง
ประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมทองนี้จัดให้มีขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือในวันเข้าพรรษาและวันออกพรรษา โดยจัดอย่างยิ่งใหญ่ในวันเข้าพรรษา




สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่
วัดพระธาตุดอยสุเทพ




วัดพระธาตุดอยสุเทพ หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “ วัดดอยสุเทพ ” เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย

ชื่อของดอยสุเทพ เดิมเรียกกันหลายชื่อ นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีชื่อ
อุจฉุบรรพต ดอยอ้อยช้าง และดอยกาละ
สาเหตุที่ได้ชื่อว่า “ ดอยสุเทพ ” สันนิษฐานว่า เดิมมีฤาษีตนหนึ่งชื่อวาสุเทพ
หรือสุเทวฤาษี มาบำเพ็ญตบะอยู่บนเขาลูกนี้
คนทั้งหลายจึงเรียกชื่อภูเขา ตามชื่อฤาษีตนนั้น

ประวัติความเป็นมา
สร้างขึ้นเมื่อ พ. ศ. ๑๙๒๖ ในสมัยของพระญากือนามหาราช และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ. ศ. ๒๐๑๐ โดยมีตำนานที่เล่าเกี่ยวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพไว้ว่า

ในสมัยพระญากือนา กษัตริย์องค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์มังราย ( ครองราชย์ พ. ศ. ๑๘๙๘ - ๑๙๒๘ ) ผู้ทรงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ได้โปรดให้สร้างพระเจดีย์บนดอยสุเทพ โดยทรงนิมนต์พระมหาสุมนเถระเจ้า จากเมืองสุโขทัย ให้มาประกาศศาสนาที่เมืองเชียงใหม่
ในครั้งนั้น พระมหาสุมนเถระเจ้า ได้นำเอาพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้ามาด้วย
พระญากือนาเกิดความเลื่อมใสมาก จึงโปรดให้มีพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุ เพื่อจะได้อัญเชิญไปบรรจุไว้ในสถูปเจดีย์ของวัดบุปผาราม
ในขณะที่กระทำพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุอยู่นั้นเอง พระบรมธาตุได้แยกออกเป็นสองส่วน
พระญากือนากับพระมหาสวามีสุมนะ จึงได้พร้อมใจกัน ทำพิธีบรรจุพระบรมธาตุองค์ใหม่ไว้ที่วัดสวนดอก ส่วนพระบรมธาตุองค์เดิม นำไปประดิษฐานไว้ที่ดอยสุเทพ

ในสมัยพระญากือนา กษัตริย์องค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์มังราย ( ครองราชย์ พ. ศ. ๑๘๙๘ - ๑๙๒๘ ) ผู้ทรงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ได้โปรดให้สร้างพระเจดีย์บนดอยสุเทพ โดยทรงนิมนต์พระมหาสุมนเถระเจ้า จากเมืองสุโขทัย ให้มาประกาศศาสนาที่เมืองเชียงใหม่
ในครั้งนั้น พระมหาสุมนเถระเจ้า ได้นำเอาพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้ามาด้วย
พระญากือนาเกิดความเลื่อมใสมาก จึงโปรดให้มีพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุ เพื่อจะได้อัญเชิญไปบรรจุไว้ในสถูปเจดีย์ของวัดบุปผาราม
ในขณะที่กระทำพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุอยู่นั้นเอง พระบรมธาตุได้แยกออกเป็นสองส่วน
พระญากือนากับพระมหาสวามีสุมนะ จึงได้พร้อมใจกัน ทำพิธีบรรจุพระบรมธาตุองค์ใหม่ไว้ที่วัดสวนดอก ส่วนพระบรมธาตุองค์เดิม นำไปประดิษฐานไว้ที่ดอยสุเทพ

โดยเริ่มจากการอัญเชิญผอบพระบรมสารีริกธาตุ ขึ้นสถิตเหนือเศวตคชาธารช้างมงคล
แล้วอธิษฐานเสี่ยงช้างพระที่นั่งปล่อยไป หากพระบรมธาตุประสงค์จะสถิตอยู่ ณ ที่ใด ก็ขอให้ช้างมงคลหยุด ณ ที่แห่งนั้น

ในระหว่างทางที่ช้างมงคลเดินทางไป ก็ได้หยุดเดินถึงสามครั้ง ทำให้เกิดชื่อของดอยช้างนูนและดอยงาม ครั้งที่สาม ซึ่งถือเป็นครั้งสำคัญ เนื่องจากช้างมงคลได้ไต่เขาไปจนถึงยอดดอยวาสุเทพบรรพต แล้วร้องเสียงดังจนก้องสะท้านไปทั่วภูเขา เมื่อเดินประทักษิณ ๓ รอบแล้วจึงคุกเข่าหมอบลง และทันทีที่อาราธนาพระบรมธาตุลงจากหลังแล้ว ช้างมงคลนั้นล้มลงตายในทันที ซึ่งหมายความว่า จะไม่ยอมเป็นพาหนะของผู้ใดอีก

การสร้างเจดีย์ประดิษฐานพระบรมธาตุ
เริ่มจากการขุดยอดดอยลึก ๓ ศอก แล้วเอาแท่งหินใหญ่ ๗ ก้อน มากรุเป็นผนังเหมือนหีบใบใหญ่ เมื่อนำพระบรมธาตุลงวางแล้ว ใช้หินถมทับให้แน่นหนาจนถึงปาก
จึงก่อสถูปสูง ๕ วา ครอบปากหลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง
พระเจดีย์องค์นี้ สร้างเสร็จเรียบร้อยเมื่อ พ.ศ. ๑๙๒๘ โดยมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ด้านละ ๓ วา สูง ๗ วา รูปทรงเป็นแบบรามัญ

ต่อมาในสมัยพระเมืองแก้ว ( ระหว่าง พ. ศ. ๒๐๓๘ - ๒๐๖๘ ) มีการเสริมองค์พระเจดีย์ใหม่โดยขยายฐานออกไปด้านละ ๖ วา สูง ๑๒ วา
นอกจากนี้ในรัชสมัยของพระเจ้าทรายคำ ( ประมาณปี พ. ศ. ๒๑๘๑ ) พระองค์ได้พระราชทานทองหนัก ๑ , ๗๐๐ บาท ให้ตีแผ่นเป็นทองจังโก ปิดพระบรมธาตุ
ในปี พ . ศ . ๒๐๘๘ มีการก่อสร้างวิหาร
และในปี พ . ศ . ๒๑๐๐ พระมหามงคลโพธิ เป็นผู้อำนวยการก่อสร้างบันไดนาค
ซึ่งสูง ๓๐๐ ขั้น ทอดยาวขึ้นไปสู่วัด

นอกจากนี้ในสมัยของพระเจ้ากาวิละ มีการสร้างวิหารขึ้น ๒ หลัง ทางทิศตะวันตกและตะวันออกของพระบรมธาตุ ตลอดจนทำการบูรณปฏิสังขรณ์ องค์พระบรมธาตุ ด้วยการสร้างฉัตรโลหะปักไว้ที่มุม และสร้างรั้วเหล็ก ล้อมรอบองค์พระธาตุ

จากนั้นก็ได้มีการสร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพ เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ. ศ. ๒๔๗๗
สำเร็จสมบูรณ์ในเดือนเมษายน พ. ศ. ๒๔๗๘ รวมระยะทางทั้งสิ้น ๑๑ กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง ๕ เดือน กับอีก ๒๒ วัน โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านทั่วภาคเหนือ และมีท่านครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมกับเจ้าแก้วนวรัฐ
ซึ่งเป็นประธานฝ่ายฆราวาส

ปูชนียวัตถุที่สำคัญมากของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งได้แก่ พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของเจดีย์แบบสุโขทัย
ที่เข้ามาสู่อาณาจักรล้านนาในสมัยนั้น ลักษณะโดยละเอียดขององค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุ คือ องค์เจดีย์มีเนื้อที่ฐานด้านละ ๖ วา รวม ๔ ด้าน เป็นเนื้อที่ ๓๖ ตารางวา

ทุก ๆ ปี จะมีงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๖ และวันเพ็ญ เดือน ๗ หรือวันวิสาขบูชา

นอกจากปูชนียวัตถุสถานที่ได้กล่าวถึงข้างต้น วัดพระธาตุดอยสุเทพยังมีโบราณสถาน
ในเขตระเบียงคดโดยรอบ ซึ่งได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน

วัดพระธาตุดอยสุเทพ นอกจากจะมีความสำคัญ ต่อจิตใจของประชาชนชาวเชียงใหม่
ในฐานะที่เป็น ศาสนสถาน อันควรเคารพแล้ว
ยังมีความสำคัญทางด้านการศึกษาอีกด้วย คือมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลี
วัดนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ จากเหล่าเจ้านายผู้ครองเมืองมาโดยตลอด
จึงทำให้ทางวัด ได้รับพระราชทานให้ยกขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร
เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ. ศ. ๒๕๐๖



ถนนคนเดินเชียงใหม่



“ถนนคนเดิน” หรือ (Walking Street)
เป็นหนึ่งในแนวคิดการพัฒนาเมืองและการกำหนดใช้พื้นที่เมืองให้สอดคล้องกับ วิถีชีวิตชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาและการใช้ประโยชน์พื้นที่ในเมืองซึ่งหลายประเทศได้ ดำเนินการ และ “ถนนคนเดิน” ในหลายประเทศก็ได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวมงานศิลปะ แหล่งรวมศิลปิน สถานที่ที่ศิลปินอิสระจะได้ใช้เป็นเวทีในการแสดงออกทั้งงานดนตรี วรรณศิลป์ จิตรกรรม ฯลฯ ตลอดจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องแวะมาเยี่ยมเยือน..




ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่
ถนนคนเดินเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่บริเวณ ประตูท่าแพ ผ่านไปยัง ถนนราชดำเนิน
ที่นี่มีเฉพาะคืนวันอาทิตย์

สองข้างทาง เต็มไปด้วย สินค้าที่วางขาย ของพื้นเมือง ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า ผ้าพันคอ สุดฮิตโคมไฟ หรือแม้กระทั่ง ก้อนหินที่นำมาวาดลวยลายก็ยังมี วางขาย กัน หลากหลาย เดินจนเมื่อยขา หาของกินสักหน่อย มีทั้ง ขนมจีนv น้ำเงี้ยวน้ำยา ของ ทานเล่น

กาดกลางคืน ถนนคนเดิน ที่ เชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมาย ทั้งที่เป็นคนไทย คนเหนือ คนกรุง และคนใต้ รวมทั้งชาวต่างประเทศ หลากหลายภาษา ทั้ง ฝรั่ง ชาวยุโรป เอเซีย




ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่



ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่




ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น