วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไปเที่ยวเกาะเสม็ดกัน






อุทยานเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด

ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2524 มีเนื้อที่ 81,875 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในทะเล ตลอดจนเกาะต่าง ๆ ประกอบด้วยสถานที่น่าสนใจ คือ หาดแม่รำพึง เขาแหลมหญ้า และหมู่เกาะเสม็ด อันประกอบไปด้วย เกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะสันฉลาม เกาะหินขาว เกาะค้างคาว เกาะกุฎี เกาะกรวย และเกาะปลาตีน

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ เกาะเสม็ด เกาะกุฎี และเขาแหลมหญ้า ในแต่ละเส้นทางจะพบพันธุ์ไม้นานาชนิด เช่น พันธุ์มะนาวป่า ต้นไข่เต่า ต้นขันทองพยาบาท ต้นเสม็ดแดง และสัตว์ป่า เช่น อีเห็นเครือ พังพอนเล็ก ลิงแสม กระรอกหลากสี นกนางแอ่นบ้าน และนกฮูก เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีจุดชมวิวทั้ง 3 เส้นทาง อีกด้วย บริเวณที่ทำการอุทยานเขาแหลมหญ้ามี บริการบ้านพักด้วย รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 2562 0760 หรือสำรองที่พักด้วยตนเองที่

เกาะเสม็ด เชื่อกันว่าคือเกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อของระยอง ที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและต่างประเทศ ตั้งอยู่ตำบลเพ อำเภอเมือง อยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ 6.5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 3,125 ไร่ มีลักษณะเป็นเกาะรูปสามเหลี่ยม ส่วนฐานของเกาะอยู่ด้านทิศเหนือ ซึ่งหันเข้าสู่ฝั่งบ้านเพ มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอยู่ 2-3 ลูก มีที่ราบอยู่ตามริมฝั่งชายหาด ส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านเหนือและตะวันออก เหตุที่มีชื่อว่า “เกาะเสม็ด” เพราะเกาะนี้มีต้นเสม็ดขาว และเสม็ดแดงขึ้นอยู่มาก ซึ่งในอดีตชาวบ้านนำมาใช้ทำไต้จุดไฟ บนเกาะเสม็ดไม่มีแม่น้ำลำคลอง ประมาณ 80% ของพื้นที่ เป็นภูเขาและป่าไม้เบญจพรรณ ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน ช่วงเดือนพฤษภาคมมีมรสุมและคลื่นลมจัดมาก เดือนสิงหาคมมีฝนตกชุก

การเดินทางจากบ้านเพไปเกาะเสม็ด
จาก ท่าเรือบ้านเพ มีเรือโดยสารบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าโดยสารระหว่างบ้านเพ-หาดทรายแก้ว ไป-กลับ 100 บาท ใช้ เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที (รอผู้โดยสารอย่างน้อยประมาณ 20 คนจึงออกเรือ), จากบ้านเพ-อ่าววงเดือน ไป-กลับ 120 บาท, บ้านเพ-อ่าวหวาย ไป-กลับ 200 บาท, บ้านเพ-อ่าวพร้าว ไป-กลับ 120 บาท (รอผู้โดยสารอย่างน้อย 7 คน) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ท่าเรือนวลทิพย์ โทร. 0 3865 1508, 0 3865 1956 ท่าเรือศรีบ้านเพ โทร. 0 3865 1901-2, 0 3865 1736

การเดินทางบนเกาะเสม็ด
บนเกาะเสม็ดมีถนนเพียงสาย เดียว เป็นทั้งถนนคอนกรีต และถนนดิน บนเกาะมีรถสองแถวบริการเริ่มจากท่าเรือหน้าด่านไปตามหาดต่าง ๆ แล้วไปสิ้นสุดที่อ่าวปะการัง ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง หรือแล้วแต่จะตกลงกัน ราคาค่ารถสองแถวเริ่มต้นที่ราคา 10–100 บาท หากต้องการจะเหมาเที่ยวทั้งเกาะราคาประมาณ 1,500 บาท

สถานที่น่าสนใจบนเกาะเสม็ด และเกาะใกล้เคียง ชายหาด หาดต่างๆ ส่วนใหญ่อยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ แต่ละหาดอยู่ในอ่าวเล็ก ๆ มีความยาวประมาณ 200 เมตร เรียงตามลำดับจากทิศเหนือไปทิศใต้ ดังนี้ หาดทรายแก้ว หาดหินโคร่ง หาดคลองไผ่ อ่าวพุทรา อ่าวทับทิม อ่าวนวล อ่าวช่อ อ่าวคอก อ่าวเทียน อ่าวหวาย อ่าวกิ่วหน้านอก อ่าวกะรัง ทางด้านตะวันตกมีหาดทรายอยู่แห่งเดียว คือ ที่อ่าวพร้าว จากหาดทรายแก้วและหาดวงเดือน สามารถเดินทางไปหาดอื่น ๆ ได้โดยใช้บริการรถรับจ้าง หรือเดินเท้าไปเอง

สถานีเพาะพันธุ์ปลา กรมประมง ตั้งอยู่บริเวณอ่าวน้อยหน่า เป็นสถานีทดลองเล็กๆ ซึ่งมีกระชังทดลองเพาะพันธุ์ปลาทะเลที่ยังไม่สามารถผสมพันธุ์ได้

เกาะกุฎี หรือเกาะกุด เป็นเกาะหนึ่งในวรรณกรรมของสุนทรภู่ อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะเสม็ด ห่างจากฝั่งประมาณ 6 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 63 ไร่ ใกล้กับเกาะกุฎีมีเกาะขนาดเล็กอีก 2 เกาะ คือ เกาะท้ายค้างคาวและเกาะถ้ำฤาษี มีหาดทรายสวยงามเหมาะแก่การเล่นน้ำ ตั้งแค้มป์ปิ้ง มีหน่วยพิทักษ์อุทยานตั้งอยู่โดยรอบเกาะมีแนวปะการัง สามารถติดต่อเช่าเรือจากบ้านเพได้ บนเกาะไม่มีบริการบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว แต่มีเต็นท์ให้เช่า ราคา 200 บาท/คน/คืน ในกรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์ไปเองเสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ 20 บาท/คน/คืน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3865 3034 หรืองานบริการส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ โทร. 0 2561 2919, 0 2561 2921


เกาะ กรวย เกาะขาม และเกาะปลาตีน เป็นเกาะที่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะกุฎี ประมาณ 600 เมตร เป็นเกาะที่สวยงาม มีปะการัง และสามารถตกปลาได้ เกาะทะลุ ห่างจากเกาะกุฎี ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 6 กิโลเมตร มีพื้นที่ 69 ไร่ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ ทิศตะวันตกเป็นผาหินสูงชัน ด้านทิศตะวันออกและทิศใต้มีหาดทรายขาวสะอาด เกาะทะลุมีนกนางนวล ค้างค้าวแม่ไก่ อยู่เป็นจำนวนมาก และมีเต่าทะเลบางชนิดอาศัยอยู่ นอกจากนั้นมีปะการังที่อุดมสมบูรณ์สูงอยู่รอบ ๆ เกาะและเป็นแหล่งเหมาะแก่การดำน้ำลึกอีกแห่งหนึ่ง กิจกรรมดำน้ำ ตกปลา บนเสม็ดมีบริการเรือพาดำน้ำ ตกปลา ติดต่อเรือได้ตามที่พัก ราคาประมาณ 600บาท ต่อคน ผู้ที่สนใจเดินทางไปท่องเที่ยวและดำน้ำที่เกาะกุฎี และเกาะทะลุ สามารถติดต่อเช่าเรือเร็วไป-กลับ จากท่าเรือบ้านเพ เป็นแพ็คเกจทัวร์ได้ ราคา 8,000 บาท/10 คน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ไอร์แลนด์ ทัวร์ โทร. 0 3865 3055-9(ควรเตรียมอาหารพร้อมเครื่องดื่มไปด้วย เนื่องจากบนเกาะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก)

เชียงใหม่

ประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมทอง


พระธาตุศรีจอมทอง,ประเพณี สรงน้ำพระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่,สรงน้ำพระ เชียงใหม่,สงกรานต์ เชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ลงโฆษณาเชียงใหม่,ลงโฆษณาฟรีเชียงใหม่


วัดพระธาตุจอมทอง เป็นศาสนาสถานสำคัญ และเก่าแก่ของเชียงใหม่ตั้งอยู่ริมถนนสายเชียงใหม่ – ฮอด อยู่ในเขตอำเภอจอมทอง มีชื่อทางการว่าวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เดิมเรียกที่ตั้งนี้ว่าดอยจอมทอง เนื่องจากมีต้นทองหลางขึ้นอยู่มากมาย

ภายในวัดมีพระ ธาตุจอมทองประดิษฐานอยู่ ซึ่งสามารถอัญเชิญออกมาให้ประชาชนสักการบูชาได้อย่างใกล้ชิด ปกติพระธาตุจอมทองประดิษฐานอยู่ภายในพระโกศ 5 ชั้น มีมณฑปปราสาทตรงกลาง เป็นคูหาที่เก็บพระโกศไว้ภายในพระวิหารจัตุรมุข
พระธาตุจอมทองมีพระบรมสารีกธาตุจำนวน 1 องค์ ขนาดเล็กเท่าเมล็ดถั่วเขียว สีขาวนวลออกสีน้ำตาลคล้ายสีดอกพิกุลแห้ง
ประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมทองนี้จัดให้มีขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือในวันเข้าพรรษาและวันออกพรรษา โดยจัดอย่างยิ่งใหญ่ในวันเข้าพรรษา




สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่
วัดพระธาตุดอยสุเทพ




วัดพระธาตุดอยสุเทพ หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “ วัดดอยสุเทพ ” เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย

ชื่อของดอยสุเทพ เดิมเรียกกันหลายชื่อ นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีชื่อ
อุจฉุบรรพต ดอยอ้อยช้าง และดอยกาละ
สาเหตุที่ได้ชื่อว่า “ ดอยสุเทพ ” สันนิษฐานว่า เดิมมีฤาษีตนหนึ่งชื่อวาสุเทพ
หรือสุเทวฤาษี มาบำเพ็ญตบะอยู่บนเขาลูกนี้
คนทั้งหลายจึงเรียกชื่อภูเขา ตามชื่อฤาษีตนนั้น

ประวัติความเป็นมา
สร้างขึ้นเมื่อ พ. ศ. ๑๙๒๖ ในสมัยของพระญากือนามหาราช และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ. ศ. ๒๐๑๐ โดยมีตำนานที่เล่าเกี่ยวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพไว้ว่า

ในสมัยพระญากือนา กษัตริย์องค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์มังราย ( ครองราชย์ พ. ศ. ๑๘๙๘ - ๑๙๒๘ ) ผู้ทรงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ได้โปรดให้สร้างพระเจดีย์บนดอยสุเทพ โดยทรงนิมนต์พระมหาสุมนเถระเจ้า จากเมืองสุโขทัย ให้มาประกาศศาสนาที่เมืองเชียงใหม่
ในครั้งนั้น พระมหาสุมนเถระเจ้า ได้นำเอาพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้ามาด้วย
พระญากือนาเกิดความเลื่อมใสมาก จึงโปรดให้มีพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุ เพื่อจะได้อัญเชิญไปบรรจุไว้ในสถูปเจดีย์ของวัดบุปผาราม
ในขณะที่กระทำพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุอยู่นั้นเอง พระบรมธาตุได้แยกออกเป็นสองส่วน
พระญากือนากับพระมหาสวามีสุมนะ จึงได้พร้อมใจกัน ทำพิธีบรรจุพระบรมธาตุองค์ใหม่ไว้ที่วัดสวนดอก ส่วนพระบรมธาตุองค์เดิม นำไปประดิษฐานไว้ที่ดอยสุเทพ

ในสมัยพระญากือนา กษัตริย์องค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์มังราย ( ครองราชย์ พ. ศ. ๑๘๙๘ - ๑๙๒๘ ) ผู้ทรงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ได้โปรดให้สร้างพระเจดีย์บนดอยสุเทพ โดยทรงนิมนต์พระมหาสุมนเถระเจ้า จากเมืองสุโขทัย ให้มาประกาศศาสนาที่เมืองเชียงใหม่
ในครั้งนั้น พระมหาสุมนเถระเจ้า ได้นำเอาพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้ามาด้วย
พระญากือนาเกิดความเลื่อมใสมาก จึงโปรดให้มีพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุ เพื่อจะได้อัญเชิญไปบรรจุไว้ในสถูปเจดีย์ของวัดบุปผาราม
ในขณะที่กระทำพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุอยู่นั้นเอง พระบรมธาตุได้แยกออกเป็นสองส่วน
พระญากือนากับพระมหาสวามีสุมนะ จึงได้พร้อมใจกัน ทำพิธีบรรจุพระบรมธาตุองค์ใหม่ไว้ที่วัดสวนดอก ส่วนพระบรมธาตุองค์เดิม นำไปประดิษฐานไว้ที่ดอยสุเทพ

โดยเริ่มจากการอัญเชิญผอบพระบรมสารีริกธาตุ ขึ้นสถิตเหนือเศวตคชาธารช้างมงคล
แล้วอธิษฐานเสี่ยงช้างพระที่นั่งปล่อยไป หากพระบรมธาตุประสงค์จะสถิตอยู่ ณ ที่ใด ก็ขอให้ช้างมงคลหยุด ณ ที่แห่งนั้น

ในระหว่างทางที่ช้างมงคลเดินทางไป ก็ได้หยุดเดินถึงสามครั้ง ทำให้เกิดชื่อของดอยช้างนูนและดอยงาม ครั้งที่สาม ซึ่งถือเป็นครั้งสำคัญ เนื่องจากช้างมงคลได้ไต่เขาไปจนถึงยอดดอยวาสุเทพบรรพต แล้วร้องเสียงดังจนก้องสะท้านไปทั่วภูเขา เมื่อเดินประทักษิณ ๓ รอบแล้วจึงคุกเข่าหมอบลง และทันทีที่อาราธนาพระบรมธาตุลงจากหลังแล้ว ช้างมงคลนั้นล้มลงตายในทันที ซึ่งหมายความว่า จะไม่ยอมเป็นพาหนะของผู้ใดอีก

การสร้างเจดีย์ประดิษฐานพระบรมธาตุ
เริ่มจากการขุดยอดดอยลึก ๓ ศอก แล้วเอาแท่งหินใหญ่ ๗ ก้อน มากรุเป็นผนังเหมือนหีบใบใหญ่ เมื่อนำพระบรมธาตุลงวางแล้ว ใช้หินถมทับให้แน่นหนาจนถึงปาก
จึงก่อสถูปสูง ๕ วา ครอบปากหลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง
พระเจดีย์องค์นี้ สร้างเสร็จเรียบร้อยเมื่อ พ.ศ. ๑๙๒๘ โดยมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ด้านละ ๓ วา สูง ๗ วา รูปทรงเป็นแบบรามัญ

ต่อมาในสมัยพระเมืองแก้ว ( ระหว่าง พ. ศ. ๒๐๓๘ - ๒๐๖๘ ) มีการเสริมองค์พระเจดีย์ใหม่โดยขยายฐานออกไปด้านละ ๖ วา สูง ๑๒ วา
นอกจากนี้ในรัชสมัยของพระเจ้าทรายคำ ( ประมาณปี พ. ศ. ๒๑๘๑ ) พระองค์ได้พระราชทานทองหนัก ๑ , ๗๐๐ บาท ให้ตีแผ่นเป็นทองจังโก ปิดพระบรมธาตุ
ในปี พ . ศ . ๒๐๘๘ มีการก่อสร้างวิหาร
และในปี พ . ศ . ๒๑๐๐ พระมหามงคลโพธิ เป็นผู้อำนวยการก่อสร้างบันไดนาค
ซึ่งสูง ๓๐๐ ขั้น ทอดยาวขึ้นไปสู่วัด

นอกจากนี้ในสมัยของพระเจ้ากาวิละ มีการสร้างวิหารขึ้น ๒ หลัง ทางทิศตะวันตกและตะวันออกของพระบรมธาตุ ตลอดจนทำการบูรณปฏิสังขรณ์ องค์พระบรมธาตุ ด้วยการสร้างฉัตรโลหะปักไว้ที่มุม และสร้างรั้วเหล็ก ล้อมรอบองค์พระธาตุ

จากนั้นก็ได้มีการสร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพ เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ. ศ. ๒๔๗๗
สำเร็จสมบูรณ์ในเดือนเมษายน พ. ศ. ๒๔๗๘ รวมระยะทางทั้งสิ้น ๑๑ กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง ๕ เดือน กับอีก ๒๒ วัน โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านทั่วภาคเหนือ และมีท่านครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมกับเจ้าแก้วนวรัฐ
ซึ่งเป็นประธานฝ่ายฆราวาส

ปูชนียวัตถุที่สำคัญมากของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งได้แก่ พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของเจดีย์แบบสุโขทัย
ที่เข้ามาสู่อาณาจักรล้านนาในสมัยนั้น ลักษณะโดยละเอียดขององค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุ คือ องค์เจดีย์มีเนื้อที่ฐานด้านละ ๖ วา รวม ๔ ด้าน เป็นเนื้อที่ ๓๖ ตารางวา

ทุก ๆ ปี จะมีงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๖ และวันเพ็ญ เดือน ๗ หรือวันวิสาขบูชา

นอกจากปูชนียวัตถุสถานที่ได้กล่าวถึงข้างต้น วัดพระธาตุดอยสุเทพยังมีโบราณสถาน
ในเขตระเบียงคดโดยรอบ ซึ่งได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน

วัดพระธาตุดอยสุเทพ นอกจากจะมีความสำคัญ ต่อจิตใจของประชาชนชาวเชียงใหม่
ในฐานะที่เป็น ศาสนสถาน อันควรเคารพแล้ว
ยังมีความสำคัญทางด้านการศึกษาอีกด้วย คือมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลี
วัดนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ จากเหล่าเจ้านายผู้ครองเมืองมาโดยตลอด
จึงทำให้ทางวัด ได้รับพระราชทานให้ยกขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร
เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ. ศ. ๒๕๐๖



ถนนคนเดินเชียงใหม่



“ถนนคนเดิน” หรือ (Walking Street)
เป็นหนึ่งในแนวคิดการพัฒนาเมืองและการกำหนดใช้พื้นที่เมืองให้สอดคล้องกับ วิถีชีวิตชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาและการใช้ประโยชน์พื้นที่ในเมืองซึ่งหลายประเทศได้ ดำเนินการ และ “ถนนคนเดิน” ในหลายประเทศก็ได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวมงานศิลปะ แหล่งรวมศิลปิน สถานที่ที่ศิลปินอิสระจะได้ใช้เป็นเวทีในการแสดงออกทั้งงานดนตรี วรรณศิลป์ จิตรกรรม ฯลฯ ตลอดจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องแวะมาเยี่ยมเยือน..




ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่
ถนนคนเดินเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่บริเวณ ประตูท่าแพ ผ่านไปยัง ถนนราชดำเนิน
ที่นี่มีเฉพาะคืนวันอาทิตย์

สองข้างทาง เต็มไปด้วย สินค้าที่วางขาย ของพื้นเมือง ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า ผ้าพันคอ สุดฮิตโคมไฟ หรือแม้กระทั่ง ก้อนหินที่นำมาวาดลวยลายก็ยังมี วางขาย กัน หลากหลาย เดินจนเมื่อยขา หาของกินสักหน่อย มีทั้ง ขนมจีนv น้ำเงี้ยวน้ำยา ของ ทานเล่น

กาดกลางคืน ถนนคนเดิน ที่ เชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมาย ทั้งที่เป็นคนไทย คนเหนือ คนกรุง และคนใต้ รวมทั้งชาวต่างประเทศ หลากหลายภาษา ทั้ง ฝรั่ง ชาวยุโรป เอเซีย




ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่



ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่




ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่ถนนคนเดินเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่,สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่,แหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่,ที่พักเชียงใหม่,ร้านอาหารเชียงใหม่,ที่พักในเชียงใหม่,ร้านอาหารในเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์เชียงใหม่,โรงแรมในเชียงใหม่,เกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คลิปแมวคุยกัน

ชอบเพราะดูเหมือนว่าน้องแมวพูดได้จริงๆ

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โรคหัวใจ


โรคหัวใจ
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ปกติ หัวใจของคนเรา (ชีพจร) จะเต้นประมาณ 72-80 ครั้งต่อนาที จังหวะสม่ำเสมอ และแรงเท่ากันทุกครั้ง ภายหลังการออกกำลัง ตื่นเต้นตกใจ ดื่มชากาแฟหรือเหล้า สูบบุหรี่ กินยาเข้ากาเฟอีน หรือเป็นไข้ ชีพจรอาจเต้นเร็วกว่านี้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นภาวะปกติธรรมดา คนที่ออกกำลังสม่ำเสมอ ชีพจรอาจเต้นช้ากว่านี้ได้ แสดงว่าร่างกายอยู่ในภาวะแข็งแรง (ฟิต)เต็มที่ แต่ในคนที่มีความผิดปกติของหัวใจก็อาจมีชีพจรผิดปกติ เช่น เต้นช้าไป หรือเร็วไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ หรือไม่เป็นจังหวะ เราจึงเรียกรวม ๆ ว่า โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจแสดงอาการได้หลายอย่างด้วยกัน หัวใจเต้นผิดจังหวะถือเป็นโรคหัวใจชนิดหนึ่ง เกิดจากมีจุด หรือตำแหน่งบางตำแหน่งในหัวใจที่กำเนิดกระแสไฟฟ้าผิดปกติ หรือมีจุดวงจรลัดไฟฟ้าเล็กๆ ภายในหัวใจ เนื่องจากความผิดปกติดังกล่าวมีขนาดเล็ก จึงไม่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ ซึ่งแตกต่างจากโรคหัวใจชนิดอื่นที่มักจะมีพยาธิสภาพขนาดใหญ่ เช่น ที่ลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ หรือหลอดเลือดหัวใจ และพบร่วมกับการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ


สาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ
มักไม่ทราบสาเหตุเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งเกิดจากมีจุดกำเนิดไฟฟ้าผิดปกติที่หัวใจ หรือมีวงจรลัดไฟฟ้าผิดปกติ ซึ่งมักเป็นมาตั้งแต่เกิด แต่โดยทั่วไปมักแสดงอาการเมื่ออายุ 20-40 ปีขึ้นไป มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะกำเริบ เช่น การออกกำลังกาย แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ยาบางชนิด ความเครียด ความวิตกกังวล กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นต้น

อาการ
ในรายที่ไม่มีสาเหตุร้ายแรง อาจไม่มีอาการอะไรเลย บางคนอาจเพียงแต่บ่นว่ารู้สึกใจสั่น หรือใจวูบหายเป็นครั้งเป็นคราว แต่ก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ ผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากโรคหัวใจ คอพอกเป็นพิษ หรือสาเหตุที่ร้ายแรงอื่น ๆ อาจรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น เจ็บหน้าอก หน้ามืด วิงเวียน เป็นต้น
การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ใช้การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่เรียกว่า ECG หรือ electrocardiogram อย่างไรก็ตามการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจจะพบความผิดปกติเมื่อผู้ป่วยมีอาการขณะตรวจ ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการขณะตรวจ อาจไม่พบความผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ในกรณีเช่นนี้อาจใช้การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกติดตัวตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่เรียกว่า Holter monitoring ซึ่งเป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิดหนึ่ง

วิธีการรักษา
ถ้าไม่มีอาการ หรืออาการไม่รุนแรง อาจไม่ต้องรักษา แต่พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น ความ เครียด ยาบางชนิด ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ เป็นต้น ถ้ามีอาการพอสมควร อาจพิจารณารักษาด้วยการรับประทานยา ในกรณี หัวใจ เต้นเร็วผิดจังหวะ เกิดจากทางลัดวงจรไฟฟ้าในปัจจุบันมีวิธีจะรักษาให้หายขาดได้ถึงร้อยละ 95โดยจี้ด้วยคลื่นไฟฟ้า ผ่านสาย สวนหัวใจ การรักษาดังกล่าวสามารถทำได้ตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในประเทศไทย
นอกจากนี้ในวารสารสมาคมอายุรแพทย์หัวใจในอเมริกา (American Heart Association s Journal) ยังแนะนำให้กินปลาทูน่า หรือปลาอื่นๆ ที่ผ่านกระบวนการย่าง นึ่ง อย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้โดยเฉพาะในกลุ่มทั้งหญิงและชายที่สูงอายุ